
ผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทย ประสานมือ 11 ประเทศ ถกวิกฤตวัววิด-19 หวังฉีดยาแล้วการระบาดโรคจะลดน้อยลง ทุกประเทศฟื้น พร้อมปฏิบัติภารกิจเพื่อสาธารณะ คุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพประชาชน
ตอนวันที่ 4 ม.ย. นักข่าวกล่าวว่า ผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทย เป็นเจ้าภาพเชื้อเชิญผู้ตรวจการแผ่นดินจาก 11 ประเทศทั้งโลกร่วมเปลี่ยนทำความเข้าใจสำหรับในการประชุมสัมมนาออนไลน์นานาประเทศ (Webinar) เนื่องในจังหวะครบรอบ 21 ปี การจัดตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินที่แว่นแคว้นไทย ในประเด็น “หน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างและก็ข้างหลังวิกฤติการณ์เชื้อไวรัสวัวโรที่นา 2019
ดังนี้ พล.อำเภอนักปราชญ์ รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวมาว่า ตั้งแต่กำเนิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรทุ่งนา 2019 หรือ วัววิด-19 หน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินทั่วทั้งโลกได้มีหน้าที่ดูแลขจัดปัญหาความลำบากของประชากรที่ได้รับผลพวงในประเทศของตนอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ได้มีการปรึกษาแลกข้อมูลซึ่งกันและกันมาเป็นช่วงๆจนกระทั่งบัดนี้ที่มีการผลิตและก็กำลังปฏิบัติการฉีดยาให้กับประชากรแล้ว ซึ่งผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทยแล้วก็ผู้ตรวจการแผ่นดินทั่วทั้งโลกต่างหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการระบาดจะลดน้อยลงและก็หมดไป ทุกประเทศจะสามารถฟื้นไปสู่สภาพการณ์ธรรมดาได้อย่างเร็ว
พล.อำเภอนักปราชญ์ กล่าวต่อว่าต่อขาน สิ่งจำเป็นที่ผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทยและก็อีก 11 ประเทศเห็นเหมือนกันหมายถึงวิกฤตวัววิด -19 ทำความเสียหายอีกทั้งในด้านสังคมรวมทั้งเศรษฐกิจแก่ประเทศต่างๆกระทบต่อชีวิตรวมทั้งการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกระดับ หลายประเทศบางทีอาจสูญเสียสมรรถภาพสำหรับเพื่อการชิงชัยแล้วก็การเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาว ภาคธุรกิจต่างๆไม่ว่าจะเป็นธุรกิจห้องอาหาร ธุรกิจค้าขาย ธุรกิจที่เกี่ยวของกับด้านการท่องเที่ยว บริษัทและก็ร้านค้ามากมายจำต้องทยอยปิดตัว การสูญเสียทางด้านทุนมนุษย์ของประเทศที่จำเป็นต้องป่วยเรื้อรังโดยยิ่งไปกว่านั้นประเทศที่ระบบสาธารณสุขแล้วก็ระบบการเรียนรู้ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงนัก การร้องทุกข์ความทุกข์ร้อนของสามัญชนในภาวการณ์แบบนี้ย่อมมีมากยิ่งกว่ายามที่ประเทศธรรมดา
“หน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินต้องยืนหยัดทำหน้าที่ด้วยความเป็นอิสระ ชอบธรรม แล้วก็เป็นกลาง มุ่งคุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพรวมทั้งคุณประโยชน์ซึ่งมาจากหมู่ชน จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้สมควรเพื่อพร้อมสำหรับดำเนินงานในหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างสม่ำเสมอและก็ประชากรสามารถเข้าถึงได้ง่าย จำเป็นจะต้องปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้นำสมัยอยู่เป็นประจำเพื่อเพิ่มระดับความสามารถของหน่วยงาน และก็ควรจะมีส่วนร่วมสำหรับการสำรวจ ให้ข้อเสนอ แล้วก็ส่งเสริมหลักการทำงานของหน่วยงานหรือหน่วยงานภาครัฐต่างๆเพื่อผลักดันให้การฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และก็สาธารณสุข ในแต่ละประเทศของตนเองนั้นกลับสู่สถานการณ์ธรรมดาอย่างเร็วที่สุด”
Share post:
ผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทย ประสานมือ 11 ประเทศ ถกวิกฤตวัววิด-19 หวังฉีดยาแล้วการระบาดโรคจะลดน้อยลง ทุกประเทศฟื้น พร้อมปฏิบัติภารกิจเพื่อสาธารณะ คุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพประชาชน
ตอนวันที่ 4 ม.ย. นักข่าวกล่าวว่า ผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทย เป็นเจ้าภาพเชื้อเชิญผู้ตรวจการแผ่นดินจาก 11 ประเทศทั้งโลกร่วมเปลี่ยนทำความเข้าใจสำหรับในการประชุมสัมมนาออนไลน์นานาประเทศ (Webinar) เนื่องในจังหวะครบรอบ 21 ปี การจัดตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินที่แว่นแคว้นไทย ในประเด็น “หน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างและก็ข้างหลังวิกฤติการณ์เชื้อไวรัสวัวโรที่นา 2019
ดังนี้ พล.อำเภอนักปราชญ์ รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวมาว่า ตั้งแต่กำเนิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรทุ่งนา 2019 หรือ วัววิด-19 หน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินทั่วทั้งโลกได้มีหน้าที่ดูแลขจัดปัญหาความลำบากของประชากรที่ได้รับผลพวงในประเทศของตนอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ได้มีการปรึกษาแลกข้อมูลซึ่งกันและกันมาเป็นช่วงๆจนกระทั่งบัดนี้ที่มีการผลิตและก็กำลังปฏิบัติการฉีดยาให้กับประชากรแล้ว ซึ่งผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทยแล้วก็ผู้ตรวจการแผ่นดินทั่วทั้งโลกต่างหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการระบาดจะลดน้อยลงและก็หมดไป ทุกประเทศจะสามารถฟื้นไปสู่สภาพการณ์ธรรมดาได้อย่างเร็ว
พล.อำเภอนักปราชญ์ กล่าวต่อว่าต่อขาน สิ่งจำเป็นที่ผู้ตรวจการผืนแผ่นดินไทยและก็อีก 11 ประเทศเห็นเหมือนกันหมายถึงวิกฤตวัววิด -19 ทำความเสียหายอีกทั้งในด้านสังคมรวมทั้งเศรษฐกิจแก่ประเทศต่างๆกระทบต่อชีวิตรวมทั้งการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกระดับ หลายประเทศบางทีอาจสูญเสียสมรรถภาพสำหรับเพื่อการชิงชัยแล้วก็การเติบโตด้านเศรษฐกิจในระยะยาว ภาคธุรกิจต่างๆไม่ว่าจะเป็นธุรกิจห้องอาหาร ธุรกิจค้าขาย ธุรกิจที่เกี่ยวของกับด้านการท่องเที่ยว บริษัทและก็ร้านค้ามากมายจำต้องทยอยปิดตัว การสูญเสียทางด้านทุนมนุษย์ของประเทศที่จำเป็นต้องป่วยเรื้อรังโดยยิ่งไปกว่านั้นประเทศที่ระบบสาธารณสุขแล้วก็ระบบการเรียนรู้ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงนัก การร้องทุกข์ความทุกข์ร้อนของสามัญชนในภาวการณ์แบบนี้ย่อมมีมากยิ่งกว่ายามที่ประเทศธรรมดา
“หน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินต้องยืนหยัดทำหน้าที่ด้วยความเป็นอิสระ ชอบธรรม แล้วก็เป็นกลาง มุ่งคุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพรวมทั้งคุณประโยชน์ซึ่งมาจากหมู่ชน จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้สมควรเพื่อพร้อมสำหรับดำเนินงานในหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างสม่ำเสมอและก็ประชากรสามารถเข้าถึงได้ง่าย จำเป็นจะต้องปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้นำสมัยอยู่เป็นประจำเพื่อเพิ่มระดับความสามารถของหน่วยงาน และก็ควรจะมีส่วนร่วมสำหรับการสำรวจ ให้ข้อเสนอ แล้วก็ส่งเสริมหลักการทำงานของหน่วยงานหรือหน่วยงานภาครัฐต่างๆเพื่อผลักดันให้การฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และก็สาธารณสุข ในแต่ละประเทศของตนเองนั้นกลับสู่สถานการณ์ธรรมดาอย่างเร็วที่สุด”